Past Simple Tense
หลักการใช้ Past Simple Tense
1.ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและเสร็จสิ้นไปแล้ว
คำบอกเวลาได้แก่ ago, yesterday, last ...... ( year, week, month .......)
เช่น My sister had a party yesterday.
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่กระทำอยู่เป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว เช่น
Tracy always played tennis when she was young.
หลักการทำประโยคคำถามในรูป Past Simple Tense
1. ถ้าในประโยคมีกริยาช่วยให้นำกริยาช่วยมาวางไว้หน้าประโยคแล้วใส่ ?
( Question mark ) เช่น He was in a bathroom 5 minutes ago.
Was he in a bathroom 5 minutes ago ?
2. ถ้าในประโยคไม่มีกริยาช่วยให้นำ Did มาช่วย โดยนำ Did มาวางไว้หน้า
ประโยค ตามด้วยประธานและกริยาช่อง 1 ท้ายประโยคใส่ ? ( Question mark)
Rose lived with her parents
Did Rose live with her parents?
หลักการทำประโยคปฏิเสธในรูป Past Simple Tense
1. ถ้าในประโยคมีกริยาช่วยให้ใส่ not หลังกริยาช่วยนั้น
เช่น She had a new car.
She had not a new car.
2. ถ้าในประโยคไม่มีกริยาช่วยให้นำ did มาช่วยโดยใส่
not หลัง did แล้วตามด้วยกริยาช่อง1
เช่น He danced yesterday.
He did not ( didn't ) dance yesterday.
หลักการเติม -ed
1. กริยาที่ลงท้าย e ให้เติม d ได้เลย เช่น
live - lived
change - changed
2. กริยาที่ลงท้ายด้วย y เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed เช่น
cry - cried
carry - carried
ยกเว้น หน้า y เป็นสระให้เติม ed ได้เลย เช่น
play - played
3. กริยาที่มีพยางค์เดียวมีสระตัวเดียวและเป็นสระเสียงสั้น
ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะท้ายแล้วเติม ed
hop - hopped
occur - occured
4. กริยาที่เป็น Irregular Verb ให้เปลี่ยนรูป เช่น
run - ran
drink - drank
http://www.mu.ac.th/
วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553
ใบความรู้ที่ 3 วิชาการสนทนาภาษาอังกฤษ 2
หลักการใช้ Present Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเกิดขณะที่พูดเช่น
Ann watches television.
Ron takes a bath in the bathroom.
2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน
หรืออนาคตเช่น
Tiger is a dangerous animal.
The earth moves around the sun.
3. ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน
--------------------------------------------------------------------------------
ทำไมคำกริยาต้องเติม " s " หรือ " es "
Read aloud.
1. I drink water every day.
2. You drink water every day.
3. We drink water every day.
4. They drink water every day.
5. He drinks water every day.
6. She drinks water every day.
7. It drinks water every day.
นักเรียนจะสังเกตเห็นว่าในข้อ 5 - 6 - 7 คำกริยา drink เติม s นักเรียนลองเดาซิคะว่าเพราะอะไรบางคนก็ตอบถูกค่ะว่าเพราะประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He She และ It ค่ะ นักเรียนต้องจำให้ได้นะคะ
กฎการเติม s หรือ es หลังคำกริยา
1. คำกริยาธรรมดาทั่วๆไปเติม S ได้ทันที เช่นคำว่า work - works , live - lives
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s , ss , sh , ch , x และ o ให้เติม es เช่น go - goes ,
watch - watches , catch - catches
3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น cry - cries ,
study - studies
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า
ประโยคบอกเล่า หมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เช่น ฉันดื่มน้ำทุกๆวัน ในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 ( V .1 ) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ ( รวมทั้ง I และ You ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม
โครงสร้างประโยค Present Simple Tense
ประธาน + กริยา + กรรม + คำบอกเวลา
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ
ถ้าในประโยคบอกเล่านั้นมีเพียงกริยาแท้ เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นปฏิเสธให้นำ Verb to do ( do not , does not ) วางไว้หลังประธานมีรูปแบบดังนี้
ประธาน + do not / does not + กริยาช่อง 1 + กรรม
do not ( don't ) ใช้กับประธานพหูพจน์ได้แก่ I , You , We , They
does not ( doesn't ) ใช้กับประธานเอกพจน์ได้แก่ He , She , It
เช่น ประโยคบอกเล่า I live in London.
ประโยคปฎิเสธ I don' t live in London.
ประโยคบอกเล่า He lives in Canada.
ประโยคปฎิเสธ He doesn' t live in Canada.
ข้อสังเกต 1. เมื่อใช้ does not ( doesn ' t ) กับประธานเอกพจน์ คำกริยาที่เติม s หรือ es ให้ตัด s หรือ es ทิ้งและคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 ซึ่งไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้น
2. ส่วน do not ( don 't )ใช้กับประธานพหูพจน์คำกริยาให้คงเดิมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคคำถาม
ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be เมื่อทำเป็นคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประธาน แต่ถ้าประโยคนั้นๆไม่มี Verb to be ให้ใช้ Verb to do ( do , does ) วางไว้หน้าประธาน
มีรูปแบบดังนี้
Do / Does + ประธาน + กริยาแท้ช่องที่ 1 + ?
เช่น ประโยคบอกเล่า : They live in London.
ประโยคคำถาม : Do they live in London ?
ประโยคบอกเล่า : He works in an office.
ประโยคคำถาม : Does he work in an office ?
Do ใช้กับประธานพหูพจน์ มี I , You , We , They
Does ใช้กับประธานเอกพจน์ มี He , She , It
ข้อสังเกต
1.การใช้ Verb to do ในประโยคคำถามเมื่อใช้ Does กับประธานเอกพจน์ให้ตัดs หรือ esข้างหลังคำกิยาทิ้งและคงไว้แต่คำกริยาแท้ ( V.1)
2.แต่ถ้าใช้ Do กับประธานพหูพจน์คำกริยาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
http://www.igetweb.com/
1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือเกิดขณะที่พูดเช่น
Ann watches television.
Ron takes a bath in the bathroom.
2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงตามธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน
หรืออนาคตเช่น
Tiger is a dangerous animal.
The earth moves around the sun.
3. ใชักับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นบ่อยๆซ้ำๆจนเป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำเดือน
--------------------------------------------------------------------------------
ทำไมคำกริยาต้องเติม " s " หรือ " es "
Read aloud.
1. I drink water every day.
2. You drink water every day.
3. We drink water every day.
4. They drink water every day.
5. He drinks water every day.
6. She drinks water every day.
7. It drinks water every day.
นักเรียนจะสังเกตเห็นว่าในข้อ 5 - 6 - 7 คำกริยา drink เติม s นักเรียนลองเดาซิคะว่าเพราะอะไรบางคนก็ตอบถูกค่ะว่าเพราะประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ He She และ It ค่ะ นักเรียนต้องจำให้ได้นะคะ
กฎการเติม s หรือ es หลังคำกริยา
1. คำกริยาธรรมดาทั่วๆไปเติม S ได้ทันที เช่นคำว่า work - works , live - lives
2. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย s , ss , sh , ch , x และ o ให้เติม es เช่น go - goes ,
watch - watches , catch - catches
3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม es เช่น cry - cries ,
study - studies
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคบอกเล่า
ประโยคบอกเล่า หมายถึงประโยคที่พูดหรือเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง เช่น ฉันดื่มน้ำทุกๆวัน ในภาษาอังกฤษรูปกริยาที่ใช้ต้องเป็นช่องที่ 1 ( V .1 ) ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม s หรือ es ส่วนประธานพหูพจน์ ( รวมทั้ง I และ You ) กริยาไม่ต้องเติมให้คงรูปเดิม
โครงสร้างประโยค Present Simple Tense
ประธาน + กริยา + กรรม + คำบอกเวลา
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคปฏิเสธ
ถ้าในประโยคบอกเล่านั้นมีเพียงกริยาแท้ เมื่อต้องการเปลี่ยนให้เป็นปฏิเสธให้นำ Verb to do ( do not , does not ) วางไว้หลังประธานมีรูปแบบดังนี้
ประธาน + do not / does not + กริยาช่อง 1 + กรรม
do not ( don't ) ใช้กับประธานพหูพจน์ได้แก่ I , You , We , They
does not ( doesn't ) ใช้กับประธานเอกพจน์ได้แก่ He , She , It
เช่น ประโยคบอกเล่า I live in London.
ประโยคปฎิเสธ I don' t live in London.
ประโยคบอกเล่า He lives in Canada.
ประโยคปฎิเสธ He doesn' t live in Canada.
ข้อสังเกต 1. เมื่อใช้ does not ( doesn ' t ) กับประธานเอกพจน์ คำกริยาที่เติม s หรือ es ให้ตัด s หรือ es ทิ้งและคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 ซึ่งไม่ต้องเติมอะไรทั้งสิ้น
2. ส่วน do not ( don 't )ใช้กับประธานพหูพจน์คำกริยาให้คงเดิมไม่ต้องเปลี่ยนแปลงใดๆ
--------------------------------------------------------------------------------
Present Simple Tense ในรูปประโยคคำถาม
ประโยค Present Simple Tense ที่มี Verb to be เมื่อทำเป็นคำถามให้นำ Verb to be มาวางไว้หน้าประธาน แต่ถ้าประโยคนั้นๆไม่มี Verb to be ให้ใช้ Verb to do ( do , does ) วางไว้หน้าประธาน
มีรูปแบบดังนี้
Do / Does + ประธาน + กริยาแท้ช่องที่ 1 + ?
เช่น ประโยคบอกเล่า : They live in London.
ประโยคคำถาม : Do they live in London ?
ประโยคบอกเล่า : He works in an office.
ประโยคคำถาม : Does he work in an office ?
Do ใช้กับประธานพหูพจน์ มี I , You , We , They
Does ใช้กับประธานเอกพจน์ มี He , She , It
ข้อสังเกต
1.การใช้ Verb to do ในประโยคคำถามเมื่อใช้ Does กับประธานเอกพจน์ให้ตัดs หรือ esข้างหลังคำกิยาทิ้งและคงไว้แต่คำกริยาแท้ ( V.1)
2.แต่ถ้าใช้ Do กับประธานพหูพจน์คำกริยาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
http://www.igetweb.com/
ใบความรู้ที่ 2 วิชาการสนทนาภาษาอังกฤษ 2
Expressions for Agreeing and Disagreeing (สำนวนที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น)
Stating an opinion ( การบอกความคิดเห็น )
In my opinion...
The way I see it...
If you want my honest opinion....
According to Lisa...
As far as I'm concerned...
If you ask me...
Asking for an opinon ( การถามความคิดเห็น )
What's your idea?
What are your thoughts on all of this?
How do you feel about that?
Do you have anything to say about this?
What do you think?
Do you agree?
Wouldn't you say?
Expressing agreement ( การแสดงการเห็นด้วย )
I agree with you 100 percent.
I couldn't agree with you more.
That's so true.
That's for sure.
(slang) Tell me about it!
You're absolutely right.
Absolutely.
That's exactly how I feel.
Exactly.
I'm afraid I agree with James.
I have to side with Dad on this one.
No doubt about it.
(agree with negative statement) Me neither.
(weak อย่างนุ่มนวล) I suppose so./I guess so.
You have a point there.
I was just going to say that.
Expressing disagreement ( การแสดงความไม่เห็นด้วย )
I don't think so.
(strong อย่างหนักแน่น) No way.
I'm afraid I disagree.
(strong) I totally disagree.
I beg to differ.
(strong ) I'd say the exact opposite.
Not necessarily.
That's not always true.
That's not always the case.
No, I'm not so sure about that.
Interruptions ( การขัดจังหวะ )
Can I add something here?
Is it okay if I jump in for a second?
If I might add something...
Can I throw my two cents in?
Sorry to interrupt, but...
(after accidentally interrupting someone ขัดจังหวะโดยบังเอิญ) Sorry, go ahead. OR Sorry, you were saying...
(after being interrupted หลังถูกขัดจังหวะ) You didn't let me finish.
Settling an argument ( การโต้แย้ง)
Let's just move on, shall we?
Let's drop it.
I think we're going to have to agree to disagree.
(sarcastic การพูดประชดประชัน) Whatever you say./ If you say so.
Stating an opinion ( การบอกความคิดเห็น )
In my opinion...
The way I see it...
If you want my honest opinion....
According to Lisa...
As far as I'm concerned...
If you ask me...
Asking for an opinon ( การถามความคิดเห็น )
What's your idea?
What are your thoughts on all of this?
How do you feel about that?
Do you have anything to say about this?
What do you think?
Do you agree?
Wouldn't you say?
Expressing agreement ( การแสดงการเห็นด้วย )
I agree with you 100 percent.
I couldn't agree with you more.
That's so true.
That's for sure.
(slang) Tell me about it!
You're absolutely right.
Absolutely.
That's exactly how I feel.
Exactly.
I'm afraid I agree with James.
I have to side with Dad on this one.
No doubt about it.
(agree with negative statement) Me neither.
(weak อย่างนุ่มนวล) I suppose so./I guess so.
You have a point there.
I was just going to say that.
Expressing disagreement ( การแสดงความไม่เห็นด้วย )
I don't think so.
(strong อย่างหนักแน่น) No way.
I'm afraid I disagree.
(strong) I totally disagree.
I beg to differ.
(strong ) I'd say the exact opposite.
Not necessarily.
That's not always true.
That's not always the case.
No, I'm not so sure about that.
Interruptions ( การขัดจังหวะ )
Can I add something here?
Is it okay if I jump in for a second?
If I might add something...
Can I throw my two cents in?
Sorry to interrupt, but...
(after accidentally interrupting someone ขัดจังหวะโดยบังเอิญ) Sorry, go ahead. OR Sorry, you were saying...
(after being interrupted หลังถูกขัดจังหวะ) You didn't let me finish.
Settling an argument ( การโต้แย้ง)
Let's just move on, shall we?
Let's drop it.
I think we're going to have to agree to disagree.
(sarcastic การพูดประชดประชัน) Whatever you say./ If you say so.
วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วิชาการสนทนาภาษาอังกฤษ 1 รหัสวิชา 2000- 1221 English Conversation
จุดประสงค์รายวิชา
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจภาษาที่ใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน และในงานอาชีพ
2. เพื่อพัฒนาการใช้สำนวนภาษาเละท่าทางในการสื่อสารที่เหมาะสมกับบุคคล
3. เพื่อให้มีความเข้าใจด้านวัฒนธรรม ความเหมือนและความแตกต่างของภาษาอังกฤษกับภาษาไทย นำไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ
4. เพื่อให้เห็นคุณค่าของการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
มาตรฐานรายวิชา
1. สนทนาโต้ตอบเรื่องในชีวิตประจำวันและการทำงาน โดยใช้บทบาทสมมุติหรือสถานการณ์จำลอง
2. บอกใจความสำคัญและรายละเอียดจากเรื่องที่ฟังและอ่าน
3. บรรยาย นำเสนอเรื่องราวที่สนใจ หรือเรื่องทางวิชาชีพที่เหมาะสมกับระดับ
4. เปรียบเทียบการใช้ถ้อยคำ สำนวนของภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
5. กำหนดแผนการเรียนและเลือกใช้กลยุทธ์ในการเรียนที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษโดยใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและฝึกปฏิบัติการฟัง พูด เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพ หรือเรื่องราวเกี่ยวกัยเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน การแสดงความคิดเห็นเข้าใจนำเสียง ความรู้สึกของผู้พูด ใช้ภาษาและท่าทางได้ถูกต้องตามมารยาทสังคม เหมาะสมกับกาละเทศะ ภาษาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ ศึกษาความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทย การใช้คำ สำนวน วลีถ่ายโอนข้อมูลจากเรื่องที่อ่านและฟัง วางแผนการเรียนโดยใช้สื่อและเทคโนโลยีที่มีอยู่ในศูนย์การเรียนรู้ในสถานศึกษา
สมรรถนะรายวิชา
1. ใช้ภาษาอังกฤษสนทนาโต้ตอบในชีวิตประจำวันตามมารยาทสังคม
2. ใช้ภาษาอังกฤษบรรยาย นำเสนอเรื่องราวที่สนใจ หรือเรื่องทางวิชาชีพตามโครงสร้างสำนวนภาษาอังกฤษ
3. เปรียบเทียบถ้อยคำ สำนวนของภาษาอังกฤษและภาษาไทยตามหลักการใช้ภาษา
4. ใช้ภาษาอังกฤษในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้พูดได้อย่างเหมาะสมกับกาละเทศะ
ใบความรู้หน่วยการเรียนที่ 1 Expressions used
- Greeting
Good morning, Good afternoon, Good evening, เป็นคำทักทายที่สุภาพ และเป็นทางการ
Hello, Hi, เป็นคำทักทายที่เป็นกันเองเหมาะกับคนที่มีความสนิทสนมและเป็นกันเอง
Pleased to meet you./ Nice to meet you. = ยินดีที่ได้รู้จัก ซึ่งเป็นคำพูดที่มักใช้ต่อเนื่องกับการทักทายจัดว่าเป็นมารยาทในการสนทนาภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา
My name is.......... Call me ........ เป็นสำนวนที่ใช้แนะนำตัวเอง
How are you ? How's everything ? How was your flight ( เที่ยวบิน )? เป็นสำนวนที่นิยมใช้เพื่อสอบถามทุกข์สุข หรือเกี่ยวกับเรื่องที่คู่สนทนาทำซึ่งเป็นไปตามมารยาทสังคมของเจ้าของภาษา
ต่อไปนี้ให้นักเรียนอ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษแล้วตอบคำถาม
Suwanee: Good afternoon. May I introduce myself ? I am Suwanee Jaiprasert.
Nicole : Good afternoon. Ms. Jaiprasert. Pleased to meet you. My name is Nicole Smith. Call me Nicky.
Suwanee: Nice to meet you, too. Please call me Su. How was your flight?
Nicole : I'm very tired because I traveled a lot during the last two weeks.
Suwanee : Really? Have you ever been here before?
Nicole : Yes. I've been here since I was with KIL Corporation.
Suwanee : Do you like Chiengmai?
Nicole : Certainly. It is the city of cultrur. The weather here is very nice and the city is filled with smiles and hospitality.
Suwanee : That's great. Do you like local food?
Nicole : I tried Khantok dinner.I like it a lot. The taste sounds strange to the foods in other parts of the country.
Suwanee : What do you like the most in Chiang Mai?
Nicole : I love the ancient city. Cultures show the pride of the people here.
Suwanee : Like you, I love Chiang Mai a lot. Nowadays it is very crowded in the city, especially during the festival time. Nice talking with you,Nicky.
Nicole : Nice talking with you too.Goodbye.
1. Who is the visitor ?.....................................................
2. How does the visitor feel about Chiang Mai?........................
3. What does the visitor like about Chiang Mai?.......................
4. Does the visitor like Chiang Mai food ?...................................
5. Why does the visitor like the ancient city?...........................
6. How does the host feel about Chiang Mai?........................
1. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจภาษาที่ใช้ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน และในงานอาชีพ
2. เพื่อพัฒนาการใช้สำนวนภาษาเละท่าทางในการสื่อสารที่เหมาะสมกับบุคคล
3. เพื่อให้มีความเข้าใจด้านวัฒนธรรม ความเหมือนและความแตกต่างของภาษาอังกฤษกับภาษาไทย นำไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ
4. เพื่อให้เห็นคุณค่าของการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
มาตรฐานรายวิชา
1. สนทนาโต้ตอบเรื่องในชีวิตประจำวันและการทำงาน โดยใช้บทบาทสมมุติหรือสถานการณ์จำลอง
2. บอกใจความสำคัญและรายละเอียดจากเรื่องที่ฟังและอ่าน
3. บรรยาย นำเสนอเรื่องราวที่สนใจ หรือเรื่องทางวิชาชีพที่เหมาะสมกับระดับ
4. เปรียบเทียบการใช้ถ้อยคำ สำนวนของภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
5. กำหนดแผนการเรียนและเลือกใช้กลยุทธ์ในการเรียนที่เหมาะสมเพื่อพัฒนาทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษโดยใช้สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสม
คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและฝึกปฏิบัติการฟัง พูด เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพ หรือเรื่องราวเกี่ยวกัยเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน การแสดงความคิดเห็นเข้าใจนำเสียง ความรู้สึกของผู้พูด ใช้ภาษาและท่าทางได้ถูกต้องตามมารยาทสังคม เหมาะสมกับกาละเทศะ ภาษาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ ศึกษาความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาไทย การใช้คำ สำนวน วลีถ่ายโอนข้อมูลจากเรื่องที่อ่านและฟัง วางแผนการเรียนโดยใช้สื่อและเทคโนโลยีที่มีอยู่ในศูนย์การเรียนรู้ในสถานศึกษา
สมรรถนะรายวิชา
1. ใช้ภาษาอังกฤษสนทนาโต้ตอบในชีวิตประจำวันตามมารยาทสังคม
2. ใช้ภาษาอังกฤษบรรยาย นำเสนอเรื่องราวที่สนใจ หรือเรื่องทางวิชาชีพตามโครงสร้างสำนวนภาษาอังกฤษ
3. เปรียบเทียบถ้อยคำ สำนวนของภาษาอังกฤษและภาษาไทยตามหลักการใช้ภาษา
4. ใช้ภาษาอังกฤษในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้พูดได้อย่างเหมาะสมกับกาละเทศะ
ใบความรู้หน่วยการเรียนที่ 1 Expressions used
- Greeting
Good morning, Good afternoon, Good evening, เป็นคำทักทายที่สุภาพ และเป็นทางการ
Hello, Hi, เป็นคำทักทายที่เป็นกันเองเหมาะกับคนที่มีความสนิทสนมและเป็นกันเอง
Pleased to meet you./ Nice to meet you. = ยินดีที่ได้รู้จัก ซึ่งเป็นคำพูดที่มักใช้ต่อเนื่องกับการทักทายจัดว่าเป็นมารยาทในการสนทนาภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษา
My name is.......... Call me ........ เป็นสำนวนที่ใช้แนะนำตัวเอง
How are you ? How's everything ? How was your flight ( เที่ยวบิน )? เป็นสำนวนที่นิยมใช้เพื่อสอบถามทุกข์สุข หรือเกี่ยวกับเรื่องที่คู่สนทนาทำซึ่งเป็นไปตามมารยาทสังคมของเจ้าของภาษา
ต่อไปนี้ให้นักเรียนอ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษแล้วตอบคำถาม
Suwanee: Good afternoon. May I introduce myself ? I am Suwanee Jaiprasert.
Nicole : Good afternoon. Ms. Jaiprasert. Pleased to meet you. My name is Nicole Smith. Call me Nicky.
Suwanee: Nice to meet you, too. Please call me Su. How was your flight?
Nicole : I'm very tired because I traveled a lot during the last two weeks.
Suwanee : Really? Have you ever been here before?
Nicole : Yes. I've been here since I was with KIL Corporation.
Suwanee : Do you like Chiengmai?
Nicole : Certainly. It is the city of cultrur. The weather here is very nice and the city is filled with smiles and hospitality.
Suwanee : That's great. Do you like local food?
Nicole : I tried Khantok dinner.I like it a lot. The taste sounds strange to the foods in other parts of the country.
Suwanee : What do you like the most in Chiang Mai?
Nicole : I love the ancient city. Cultures show the pride of the people here.
Suwanee : Like you, I love Chiang Mai a lot. Nowadays it is very crowded in the city, especially during the festival time. Nice talking with you,Nicky.
Nicole : Nice talking with you too.Goodbye.
1. Who is the visitor ?.....................................................
2. How does the visitor feel about Chiang Mai?........................
3. What does the visitor like about Chiang Mai?.......................
4. Does the visitor like Chiang Mai food ?...................................
5. Why does the visitor like the ancient city?...........................
6. How does the host feel about Chiang Mai?........................
วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ 2000-1224 ระดับปวช 3 ภาคเรียนที่ 2/2553
จุดประสงค์รายวิชา
1. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานทางธุรกิจ
2. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการอ่านเอกสารทางธุรกิจ
3. เพื่อให้มีทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียนในที่ทำงานที่เหมาะสมกับวัฒนธรรม
มาตรฐานรายวิชา
1. บอกจำแนกความหมายของคำศัพท์ทางธุรกิจ ที่พบในเรื่องที่ฟังหรืออ่านและนำคำศัพท์สำนวนต่างๆที่ใช้ในบริบททางธุรกิจ
2. ถ่ายโอนและสรุปข้อมูลจากเรื่องที่ฟังหรืออ่าน
3. ถ่ายโอนและบรรยาย แผนภูมิ กราฟ ตาราง เป็นประโยคและหรือข้อความสั้นๆ
4. สนทนาสถานการณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับการติดต่อในสำนักงานและการสมัครงานโดยใช้สำนวนภาษาและมารยาทสังคมที่เหมาะสม
5. กำหนดแผนการเรียนรู้ด้วยตัวเองและปฏิบัติงานตามแผน โดยเลือกใช้กลยุทธ์ในการเรียน แหล่งการเรียนรู้ สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมทั้งในและนอกสถานศึกษา
คำอธิบายรายวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มีดังนี้
ศึกษา ปฏิบัติ ทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียนเนื้อหา/เอกสารทางธุรกิจ แผ่นพับ คู่มือ ศึกษาความหมายของคำและเทคนิคพื้นฐานทางธุรกิจ งานสำนักงาน การต้อนรับ การนัดหมาย การสนทนาทางโทรศัพท์ การให้บริการ การซื้อ-ขาย จดหมายเชิญ จดหมายทางธุรกิจ การสอบถาม การสั่งซื้อ การสมัครงาน การกรอกแบบฟอร์มประเภทต่างๆ การใช้ภาษาในการขอและให้ข้อมูล การให้บริการ การใช้ภาษาท่าทางในการสื่อสารอย่างเหมาะสมกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ค้นคว้าเรื่องอาชีพจากแหล่งการเรียนที่หลากหลาย การวางแผนการเรียนโดยใช้สื่อเทคโนโลยีที่มีอยู่ในศูนย์การเรียนรู้ในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา
สมรรถนะรายวิชา
1. ใช้ภาษาอังกฤษในสนทนาทางโทรศัพท์เกี่ยวกับธุรกิจตามหลักการพูดทางโทรศัพท์
2. ใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนจดหมายธุรกิจตามหลักการเขียนจดหมาย
3. ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารอย่างเหมาะสมกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
ใบความรู้เรื่องที่ 1
Phone Call
ขั้นตอนการสนทนาทางโทรศัพท์มีดังนี้
1. Greeting การทักทาย
- Hello, this is Wanida.
- Hello, my name is Suwisa.
2. State the person you want to contact and the reason.การบอกเหตุผล
- I'd like to speak to Miss Aree, please.
- Could you put me through to English Department?
3. If the person you want to speak to is not in.การบอกเกี่ยวกับผู้ที่ต้องการพูดด้วย
- Sorry, he/she is not in.
- Sorry, he/she is out.
- Sorry, he/she is busy.
4. Make a request การขอร้อง
- Could you tell him/her to call me?
- Can I leave a message?
5. Leave your phone number การขอเบอร์โทรศัพท์
- My phone number is 2224444.
- You can reach me at .......
- Call me at.....
6. Finish the conversation การปิดการสนทนา
- Hope to hear from you.Bye
- Thanks,bye.
- I'll call back later.
Tip for leaving a messageเกล็ดความรู้เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์
Sometimes, there may not be anyone to answer the telephone and you will
need to leave a message withe an answering machine. Follow these steps: state your name,the time, the reason for calling ,and your phone number, to make sure that the one receives your message.
ต่อไปนี้เป็นคลิปตัวอย่างการสนทนาทางโทรศัพท์
1. เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานทางธุรกิจ
2. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการอ่านเอกสารทางธุรกิจ
3. เพื่อให้มีทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียนในที่ทำงานที่เหมาะสมกับวัฒนธรรม
มาตรฐานรายวิชา
1. บอกจำแนกความหมายของคำศัพท์ทางธุรกิจ ที่พบในเรื่องที่ฟังหรืออ่านและนำคำศัพท์สำนวนต่างๆที่ใช้ในบริบททางธุรกิจ
2. ถ่ายโอนและสรุปข้อมูลจากเรื่องที่ฟังหรืออ่าน
3. ถ่ายโอนและบรรยาย แผนภูมิ กราฟ ตาราง เป็นประโยคและหรือข้อความสั้นๆ
4. สนทนาสถานการณ์ต่างๆที่เกี่ยวกับการติดต่อในสำนักงานและการสมัครงานโดยใช้สำนวนภาษาและมารยาทสังคมที่เหมาะสม
5. กำหนดแผนการเรียนรู้ด้วยตัวเองและปฏิบัติงานตามแผน โดยเลือกใช้กลยุทธ์ในการเรียน แหล่งการเรียนรู้ สื่อและเทคโนโลยีที่เหมาะสมทั้งในและนอกสถานศึกษา
คำอธิบายรายวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ มีดังนี้
ศึกษา ปฏิบัติ ทักษะการฟัง พูด อ่านและเขียนเนื้อหา/เอกสารทางธุรกิจ แผ่นพับ คู่มือ ศึกษาความหมายของคำและเทคนิคพื้นฐานทางธุรกิจ งานสำนักงาน การต้อนรับ การนัดหมาย การสนทนาทางโทรศัพท์ การให้บริการ การซื้อ-ขาย จดหมายเชิญ จดหมายทางธุรกิจ การสอบถาม การสั่งซื้อ การสมัครงาน การกรอกแบบฟอร์มประเภทต่างๆ การใช้ภาษาในการขอและให้ข้อมูล การให้บริการ การใช้ภาษาท่าทางในการสื่อสารอย่างเหมาะสมกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ค้นคว้าเรื่องอาชีพจากแหล่งการเรียนที่หลากหลาย การวางแผนการเรียนโดยใช้สื่อเทคโนโลยีที่มีอยู่ในศูนย์การเรียนรู้ในสถานศึกษา และนอกสถานศึกษา
สมรรถนะรายวิชา
1. ใช้ภาษาอังกฤษในสนทนาทางโทรศัพท์เกี่ยวกับธุรกิจตามหลักการพูดทางโทรศัพท์
2. ใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนจดหมายธุรกิจตามหลักการเขียนจดหมาย
3. ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารอย่างเหมาะสมกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
ใบความรู้เรื่องที่ 1
Phone Call
ขั้นตอนการสนทนาทางโทรศัพท์มีดังนี้
1. Greeting การทักทาย
- Hello, this is Wanida.
- Hello, my name is Suwisa.
2. State the person you want to contact and the reason.การบอกเหตุผล
- I'd like to speak to Miss Aree, please.
- Could you put me through to English Department?
3. If the person you want to speak to is not in.การบอกเกี่ยวกับผู้ที่ต้องการพูดด้วย
- Sorry, he/she is not in.
- Sorry, he/she is out.
- Sorry, he/she is busy.
4. Make a request การขอร้อง
- Could you tell him/her to call me?
- Can I leave a message?
5. Leave your phone number การขอเบอร์โทรศัพท์
- My phone number is 2224444.
- You can reach me at .......
- Call me at.....
6. Finish the conversation การปิดการสนทนา
- Hope to hear from you.Bye
- Thanks,bye.
- I'll call back later.
Tip for leaving a messageเกล็ดความรู้เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์
Sometimes, there may not be anyone to answer the telephone and you will
need to leave a message withe an answering machine. Follow these steps: state your name,the time, the reason for calling ,and your phone number, to make sure that the one receives your message.
ต่อไปนี้เป็นคลิปตัวอย่างการสนทนาทางโทรศัพท์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)